Sunday, 11 May 2025
NEWS FEED

‘นายกสภาทนายความ’ ประณาม!! คนส่งกระสุนปืนขู่ทนาย ทำคดีสำคัญที่ขอนแก่น แอบอ้างเป็นคนในเครื่องแบบ โทรข่มขู่ จี้!! ตำรวจเร่งจับตัวมาลงโทษตามกฎหมาย

(11 พ.ค. 68) นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้รับแจ้งจากนายพิเชฐ คูหาทอง กรรมการบริหารสภาทนายความภาค 4 และว่าที่พันตรี ณรงค์ ดาหาร ประธานสภาทนายความจังหวัดมุกดาหาร ว่า เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 ได้มีบุคคลทำการส่งกระสุนปืน ทางไปรษณีย์ จำนวน 1 นัด ไปให้นายธนบูรณ์ กุมภิโร ทนายความที่มีสำนักงานอยู่ในจังหวัดมุกดาหาร

จากการสอบถามเบื้องต้นได้ความว่าน่าจะเป็นการคุกคาม มีสาเหตุมาจากการที่นายธนบูรณ์ กุมภิโร ได้เข้าไปเป็นทนายความในคดีสำคัญที่ศาลแห่งหนึ่งที่อยู่ใน จ.ขอนแก่น ซึ่งเคยมีบุคคลแอบอ้างว่าเป็นคนในเครื่องแบบ ได้โทรศัพท์มาถึงทนายคนดังกล่าวในลักษณะเป็นการบอกให้ระวังตัว

จึงถือได้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการข่มขู่ทนายความในการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งไม่สมควรเกิดขึ้นกับวิชาชีพของทนายความในการที่เข้าไปอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน

นายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ได้กล่าวประณามการข่มขู่ คุกคาม ผู้ประกอบวิชาชีพทนายความ และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดจนเจ้าหน้าที่อื่นที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในการสืบสวนสอบสวนเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยเร็ว

‘ประสูติ – ตรัสรู้ – ปรินิพพาน’ ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่งแล้ว ควรที่พุทธบริษัททั้งหลาย จักได้ระลึกถึง

(11 พ.ค. 68) สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงถึงพร้อมด้วย พระปัญญาคุณ คือความรู้รอบในสรรพสิ่ง ทรงค้นพบความจริงสี่ประการ ที่เรียกว่าอริยสัจ เป็นพลวเหตุให้ทรงถึงพร้อมด้วยพระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณ บริบูรณ์ครบเป็นพระสัมมาสัมพุทธะ เป็นบรมครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย การที่เราผู้เป็นปัจฉิมาชนตาชน ซึ่งแม้เกิดภายหลังพุทธปรินิพพาน แต่ยังมีบุญวาสนาได้พบพระพุทธศาสนาอยู่ จึงไม่พึงปล่อยโอกาสวิเศษแห่งชีวิตในชาตินี้ ให้ล่วงลับไปโดยไร้สาระ ขอจงตั้งตนเป็นสาวก ผู้มีกุศลฉันทะที่จะคอยสดับตรับฟังพระธรรม ตั้งปณิธานในหน้าที่ ที่จะอบรมพัฒนาตนให้เจริญขึ้นตามลำดับ ด้วยปัญญาอันถูกต้องถ่องแท้ และด้วยความเข้าใจเบื้องต้นว่า "ปัญญา" คือสภาพธรรมที่รู้ตามความเป็นจริง แต่สิ่งใดคือความจริง และการเข้าถึงความจริงนั้น มีกระบวนวิธีกระทำในใจให้แยบคายอย่างไร ผู้ปรารถนาความงอกงามในพระสัทธรรม จึงจำเป็นต้องเจริญศรัทธาปสาทะในพระปัญญาตรัสรู้อย่าได้เสื่อมคลาย แล้วหมั่นขวนขวายศึกษาปฏิบัติธรรมด้วยความอดทน อย่าได้หลงทะนงตน เผลอคิดเอง พูดเอง และเข้าใจไปเองโดยด่วนสรุป โดยขาดการศึกษาพระพุทธานุศาสนี อันมีมาในพระไตรปิฎก ซึ่งดำรงอยู่เป็นหลักพระศาสนาสืบมาถึงปัจจุบัน ให้ถูกต้องถ่องแท้ ตามหลักสูตรและวิธีวิทยาอันชอบ เพื่อจักได้เป็นชาวพุทธผู้ไม่เดินหลงทาง ไม่เป็นมิจฉาทิฐิ อันนับเป็นภยันตรายร้ายแรงทั้งในชาติปัจจุบันและในสัมปรายภพ

ดิถีวิสาขบูชาปีนี้ จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชน ตั้งปณิธานให้แน่วแน่ ในอันที่จะพัฒนาตนเองตามหลักไตรสิกขา ให้มีศีลเป็นที่รัก ให้มีสมาธิตั้งมั่น และให้มีปัญญาแจ่มแจ้ง จงเป็นผู้เห็นชอบ คิดชอบ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพื่อเปิดโอกาสให้สันติสุขอันประเสริฐ มาสถิตมั่นในตนและในสังคม สมด้วยพระพุทธภาษิตที่ว่า "ปญฺญาชีวีชีวิตมาหุ เสฏฺฐํ" ความว่า "ปราชญ์กล่าวชีวิตของผู้เป็นอยู่ด้วยปัญญาว่า ประเสริฐสุด" ด้วยประการฉะนี้

จิรํ ติฏฺฐตุ สทฺธมฺโม ธมฺเม โหนฺตุ สคารวา. ขอพระสัทธรรมจงดํารงคงมั่นอยู่ตลอดกาลนาน และขอสาธุชนทั้งหลาย จงมีความเคารพในพระธรรมนั้น เทอญ."

ด้วยความที่ตัวคุณพีระพันธุ์และสมาชิกพรรคท่านอื่นๆสร้างผลงานที่โดดเด่น จับต้องได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด สังคมส่วนใหญ่เล็งเห็นประโยชน์นั้นจึงพากันออกมาแก้ต่าง

(11 พ.ค. 68) แต่ด้วยความที่ตัวคุณพีระพันธุ์และสมาชิกพรรคท่านอื่นๆสร้างผลงานที่โดดเด่น จับต้องได้ผลเป็นที่ประจักษ์ชัด สังคมส่วนใหญ่เล็งเห็นประโยชน์นั้นจึงพากันออกมาแก้ต่าง หักล้างวาทกรรมโจมตีให้ร้ายเซาะกร่อนของเหล่าอินฟลูเฉพาะกิจได้อย่างกระจ่างทุกประเด็น …

ความถดถอยด้านผู้สนับสนุนของกลุ่มโจมตีคุณพีระพันธุ์จึงปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กลุ่มผู้สนับสนุน รทสช. ขยายวงกว้างขึ้น มีคนรู้จักพีระพันธุ์มากขึ้น ภาคประชาชนมีความกล้าที่จะแสดงตัวเปิดหน้าออกมาปกป้องพีระพันธุ์กันหลากหลายทุกสาขาอาชีพ แม้กลุ่มที่เชียร์พรรคส้มพรรคแดงยังเอ่ยปากชื่นชมผลงานของพีระพันธุ์ ที่ต่างก็ได้รับผลประโยชน์ด้านการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานกันถ้วนหน้า …

อินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติ ลากลำโพงเปิดลั่นกลาง MRT คนในขบวนตะโกนด่า ชาวเน็ตเสียงแตก ดราม่าเกิน หรือ ไร้มารยาท

(11 พ.ค. 68) กลายเป็นประเด็นร้อนภายในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่อินฟลูเอนเซอร์ชื่อ shayanparstv ได้อัดคลิปตัวเองลากลำโพงเปิดเพลงภายในขบวนรถไฟ MRT ขณะที่แล่นไปสถานีคลองเตย

ซึ่งในขณะที่อินฟลูรายดังกล่าวกำลังเปิดเพลง ก็ถูกคนไทยตะโกนบอก “เห้ย” ทำเอาอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวหยุด ซึ่งทางอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวพร้อมอัพโหลดคลิปดังกล่าวพร้อมเขียนข้อความระบุว่า “เขาตะโกนเหมือนผมทำชีวิตเขาพังแบบนั้น” คลิปดังกล่าวกลายเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก

โดยมีชาวเน็ตไทยบางส่วนบอกว่าคนไทยดราม่าเยอะ อย่างไรก็ตามทางชาวเน็ตอีกส่วนก็โต้ว่าเสียมารยาท และชื่นชมคนที่กล้าตะโกน

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่าอินฟลูเอนเซอร์คนดังกล่าวยังอัดคลิปพฤติกรรมดังกล่าวภายใน MRT อีกรอบ และภายในสถานีรถไฟสยามของ BTS ด้วย

ความเชื่อของแต่ละคนแตกต่าง เคารพในความต่าง แต่อย่าถึงขั้น!! เป็นช่องทางให้ มาหลอกเราได้

(11 พ.ค. 68) สังคมไทย มีความเชื่อที่ผสมจนงง มีทั้งการแก้กรรมกับหมอดู ทำบุญด้วยการให้โดยไม่สนว่าผู้รับอาจจะไม่ได้อยากรับ วัดที่มีรูปบูชาสายพราหมณ์-ฮินดู และเสริมดวงด้วยสารพัดมู

แล้วเมื่อไหร่กันที่คนไทยจะพยายาม เรียนรู้ พัฒนาตัวเอง และขยันทำมาหากิน เพื่อให้ได้มา

แล้วเมื่อไหร่กันที่สังคมไทยจะให้ค่า กับความพยายาม การเรียนรู้ด้วยตนเอง การพัฒนาทักษะใหม่ๆ และการทุ่มเททำมาหากินโดยสุจริต

ถ้าแก้กรรม แล้วไม่ต้องใช้กรรมที่ก่อไว้ แถมจะทำพิธียังไง กับใครก็ได้ แม้แต่หมอดู งั้นคนเราจะกลัวบาป รักษาบุญ ตอบแทนคุณ และยอมรับโทษในสิ่งที่ตนได้ทำผิดไป ทำไมคะ 

ถ้าให้โดยที่ผู้รับไม่อยากได้ ไม่ได้เรียกว่าให้ค่ะ นั่นเรียกว่าทิ้ง

ถ้าวัดที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งรวมแห่งธรรมในศาสนาพุทธ ความเชื่อที่เกินกว่าหลักของเหตุและผล เป็นสิ่งที่อาจไม่ตรงไม่กับหลักปรัชญาทางศาสนาพุทธ แต่ถ้าจะทำสถานที่ให้เป็นแหล่งรวมสิ่งที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ ไม่สนความต่างด้านความเชื่อ จะศาสนาใด ลัทธิใด ก็ได้ เปลี่ยนวัดเป็นสถานที่รวมรูปบูชาไปเลยก็ดีค่ะ จะได้ไม่ผิดวัตถุประสงค์ของพุทธสถาน

แต่ถ้าวัดเป็นแค่คำเรียกสถานที่แห่งหนึ่ง จะรวมกี่ศาสนาเข้าไว้ด้วยกันก็คงไม่ผิดค่ะ

ถ้าสารพัดสิ่ง/เครื่องประดับสายมูทั้งหลาย มีพลังดลบันดาลให้เกิดได้ดังหวังจริง นั่งเฉยๆ คุณต้องได้สิ่งที่คุณหวังมาค่ะ แต่ถ้าคุณยังต้องลงมือทำงาน ออกไปหางาน หาเงิน มาใช้ ... คุณลองทำความดีด้วยการช่วยเหลือคนอื่น รู้บุญคุณคน ไม่ดูถูกคนอื่น ตั้งใจทำในสิ่งที่คุณทำอย่างดีที่สุด และอดทนกับอุปสรรค/ศัตรู/มารผจญทั้งหลาย แล้วถอดเครื่องประดับนั้นใส่กล่องวางในลื้นชักหรือตู้ลงกลอนไปค่ะ ... ผลที่คุณได้รับอาจจะไม่ต่างกัน

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่เป็นคนไม่เชื่อเรื่องกรรม ไม่ดูดวง ไม่ไหว้เทพหรือรูปบูชาที่เราเคารพ หรือไม่ไปวัดนะคะ 
แต่เราเชื่อว่ากรรม ยังไงก็ต้องใช้ การแก้กรรมมีทางเดียว คือ การใช้กรรม และเมื่อต้องรับกรรม ก็ไม่พยาบาทให้เป็นกรรมต่อกันไป ... เมื่อใช้จบ ก็จบกัน ไม่จำเป็นต้องพยายามผูกคนที่หมดกรรมกับเราแล้ว เพราะวันนึงก็ต่างคนต่างไปอยู่ดี

เราดูดวงให้ตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้ดวงดี และเคยให้หมอดูดูดวงให้ เพราะความอยากรู้ว่าเค้าจะรู้เหมือนที่เรารู้มากน้อยแค่ไหน และอยากตัดสินใจบางอย่างโดยไม่ bias เพราะถ้าดูดวงตัวเอง มันก็อาจจะแปลเข้าข้างตัวเอง 

จากประสบการณ์ ก็ต้องบอกว่าซินแสเอย หมอดูด้วยญาณหลับตาเห็นอดีต/อนาคต หมอดูตอกไข่ หมอดูไพ่ หมอดูร่างทรง หมอดูลัคนา ดูมาหมดแล้วค่ะ หลายคนที่เราเคยเลือกใช้บริการ สิ่งที่บอกมาก็มีความตรงอยู่ ... แต่บางคนจบด้วยชวนทำพิธีแก้กรรมบ้าง ผ่อนหนักเป็นเบาบ้าง ทันทีที่เดินจากตรงนั้น เดินสวดสัพเพสัตตา จบๆ กันไปตรงนั้นเลย

เรื่องเข้าวัด ไหว้เทพเจ้าจีน ไหวัพระพรหม ไหว้ศาลหลักเมือง ไหว้หมดค่ะ ไหว้เพราะความระลึกถึงคุณพระพุทธ/พระธรรม ไหว้เพราะความดีที่ท่านเคยทำ ไหว้เพราะคุณที่ปกป้องคุ้มครองแผ่นดินที่อาศัยให้ปลอดภัย ไม่ได้ตั้งใจไปเพื่อบนบาน แต่ไม่ถึงกับต้องไปให้ได้ เพื่อไปไหว้ ถ้ามีโอกาสได้ไป ก็กราบไหว้ตามประเพณี 

.... น่าจะมีครั้งเดียว ที่พยายามไปไหว้ถึงสถานที่ ไม่ว่าจะดึกดื่นขนาดไหน นั่นคือ ตอนจะเอนทรานซ์ เพราะเลือกมหาวิทยาลัยเดียว 4 คณะที่ไม่เหมือนกันเลย และที่ขาดไม่ใช่ความรู้ ไม่ใช่ความพยายาม แต่คือที่พึ่งทางจิตใจ 

ความเชื่อของแต่ละคนแตกต่าง เคารพในความต่างค่ะ แต่อย่าถึงขนาดให้มันเป็นช่องทางให้อุบายต่างๆ มาหลอกเอาสติปัญญาของเราไป

... ชีวิตคนเรามันสั้น จงใช้เวลามหัศจรรย์ที่เรามีอยู่ โดยไม่สร้างทุกข์จนเกินไปให้กับตน

สาวสั่ง ‘ทิชชู่เปียก’ แอปพลิเคชันดัง แกะกล่องมาได้ ‘ยาบ้า 4 หมื่นเม็ด - ยาไอซ์ 2 กิโล’ รีบแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบ!! ด้าน ‘ขนส่งเอกชน’ ยัน!! ไม่รู้ มีหน้าที่ส่งอย่างเดียว

(10 พ.ค. 68) นายวิทยา สุวรรณสิทธิ์ นายอำเภอปะทิว ได้รับแจ้งจาก นายประเดิมชัย พัธการ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.สะพลี อ.ปะทิว จ.ชุมพร ว่ามีลูกบ้านได้สั่งสินค้าจากกระดาษทิชชู่เปียกจากแอปพลิเคชันหนึ่ง แต่เมื่อเปิดกล่องพัสดุดู พบกระดาษฟอยล์ห่อเป็นก้อนลักษณะคล้ายห่อยาบ้า จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะทิว

ที่เกิดเหตุพบ นายประเดิมชัย พร้อม นางเอ (นามสมมติ) ลูกบ้าน ยืนรอพร้อมกล่องพัสดุสีน้ำตาลวางอยู่บนพื้นหน้าบ้าน โดยกล่องพัสดุเป็นของบริษัทขนส่งเอกชนเจ้าหนึ่ง ลักษณะการบรรจุสินค้าทางบริษัท ได้นำกล่องจำนวน 2 กล่องมาสวมติดกัน

เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ยกกล่องออกจากกัน พบภายในมีกล่องสีดำคาดแดง ระบุเป็นลำโพงชื่อ BIG SOUND จำนวน 2 กล่อง และเมื่อยกขึ้นมาตรวจสอบพบบริเวณด้านหลังของลำโพงมีชุดเชื่อมต่อสายสัญญาณปิดหลอกไว้ จนมองเห็นกระดาษฟอยล์อย่างชัดเจน

เจ้าหน้าที่จึงได้ใช้ไขควงขันสกรูดึงฝาครอบลำโพงออก เมื่อภายในออกมาดูพบกระดาษฟอยล์ จึงนำออกมาพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าทั้งหมด 40,000 เม็ด ขณะที่ลำโพงอีกชิ้นออกพบ ยาไอซ์ บรรจุในห่อชาจีน วางเรียงอย่างดี 2 กิโล

นางเอ เล่าว่า ตนได้สั่งทิชชูเปียกยกลัง 10 แพ็ก ในราคา 169 บาท จากแอปพลิเคชันหนึ่ง วันนี้ช่วงบ่ายพนักงานส่งเอกชนนำพัสดุมาส่งให้ตน 1 กล่อง ก็เซ็นรับเรียบร้อย แต่ตนรู้สึกแปลก ๆ เพราะมันหนัก จึงได้เปิดกล่องดูหลังพนักงานส่งกลับไปแล้ว พบกล่องกระดาษบรรจุอยู่ภายใน จำนวน 2 กล่อง และภายในกล่องเป็นลำโพง

ทีแรกคิดว่าถูกหลอกให้ซื้อของถูก แต่เมื่อมาพิจารณาดูลำโพงบริเวณด้านหลังตู้แปลก ๆ ช่องสัญญาณเหมือนทำหลอกไว้ จึงให้แฟนมาดู จึงพบสิ่งผิดสังเกต เกรงว่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงแจ้งทางผู้ใหญ่บ้านมาช่วยดู

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพร้อมตำรวจ นำยาบ้าและไอซ์ มาห้องสืบสวน สภ.ปะทิว พร้อมเชิญตัว นายวิทวัส อายุ 32 ปี พนักงานส่งพัสดุ และ นายพลาดิศัย อายุ 43 ปี ผู้จัดการสาขา มาสอบปากคำ ทราบว่าสินค้าดังกล่าวได้ส่งตรงมาจากต้นทางที่กรุงเทพฯ และจะส่งไปที่จุดกระจายสินค้า ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนจะสินค้าส่งมาให้ลูกค้าปลายทางที่ จ.ชุมพร ตนไม่ทราบว่ามีอะไรอยู่ในนั้น เพราะปลายทางมีหน้าที่ส่งอย่างเดียว ขอให้พัสดุนั้นถึงมือผู้รับตามใบสั่ง

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ขอรายชื่อผู้รับพัสดุจากบริษัททั้งหมดไว้ เพื่อตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยที่เชื่อว่าหรืออาจมีพฤติกรรมที่ทางตำรวจมีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อนำไปสู่การขยายผลการจับกุมผู้กระทำความผิดรายนี้ต่อไป

‘เอกนัฏ’ ส่ง!! ‘ทีมสุดซอย’ กำราบ โรงงานเหล็ก BNSS ในนิคมฯ เมืองชลฯ ลงดาบ 5 ข้อหาโทษหนัก จำคุก 10 ปี ตั้งสอบ จนท. ฐานปล่อยผีเหล็ก IF ระบาด

(10 พ.ค. 68) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม หัวหน้าชุดปฏิบัติการตรวจสุดซอยของกระทรวงอุตสาหกรรม หรือ ‘ทีมสุดซอย’ พร้อมด้วย กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่ บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จังหวัดชลบุรี เพื่อตรวจสอบกระบวนการผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์เหล็กที่ผลิตจากโรงงานนี้ ตามที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนจังหวัดภูเก็ตว่า ซื้อเหล็กเส้นจากโมเดิร์นเทรดแห่งหนึ่งในจังหวัดภูเก็ต เพื่อนำไปสร้างอาคาร แต่เมื่อนำมาดัดโค้งงอปรากฎว่าเหล็กหัก จึงได้ประสานมายังทีมสุดซอยเพื่อตรวจสอบ 

“เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ตนำตัวอย่างเหล็กจากหน้างานบริเวณที่ก่อสร้าง ส่งมาตรวจวิเคราะห์ที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย พบเหล็กที่ส่งมาตรวจทั้ง 10 ท่อนไม่เป็นไปตามมาตรฐาน ตกค่าโบรอนทั้งหมด“ นายเอกนัฏ กล่าว

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวเสริมว่า จากการตรวจสอบผลิตภัณฑ์เหล็กข้ออ้อย มีอักษร BNS DB16 SD4oT IF กำกับ ซึ่งเป็นเหล็กที่ผลิตโดย บริษัท บี เอ็น เอส เอส สตีลกรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนประกอบกิจการผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีต ชนิดเหล็กเส้นกลม เหล็กข้ออ้อย และเหล็กรูปพรรณ ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่ใช้เตาหลอมแบบ IF ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐาน ตรวจพบการกระทำความผิดหลายเรื่อง อาทิ ไม่ขออนุญาตแจ้งเดินเครื่องจักร ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน EIA ติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมที่เข้าข่ายขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต เหล็กไม่เป็นไปตามมาตรฐานในส่วนของค่าโบรอน ซึ่งตรงกับผลการตรวจวิเคราะห์ล่าสุดโดยสถาบันเหล็กฯ ตามที่ประชาชนจังหวัดภูเก็ตร้องเรียนมา และยังมีกรณีลักลอบจำหน่ายกากอุตสาหกรรมด้วย

”โรงงานแห่งนี้มีพฤติกรรมทำผิดเป็นระบบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ลักลอบประกอบกิจการ ฝ่าฝืน กฎหมายหลายฉบับ จึงต้องจัดการให้เด็ดขาด” นางสาวฐิติภัสร์ ระบุ

นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวต่อว่าจากการตรวจสอบเชิงลึกพบสัญญาว่าจ้างผลิตเหล็กของ บริษัท เวล เอสทาบลิช จำกัด ที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน และเมื่อตรวจสอบจากเอกสารภายในบริษัท ประกอบคำบอกเล่าของพนักงานพบว่า มีความเชื่อมโยงเป็นเครือข่าย และมีการตั้งบริษัทเพื่อรับเป็นนายหน้าจัดหาวัตถุดิบและจำหน่ายเหล็ก ซึ่งในวันที่เข้าตรวจค้นยังพบพฤติกรรมต้องสงสัยของชาวจีนหลายคน ซึ่งในส่วนนี้ กขค. จะขยายผลและเร่งตรวจสอบโดยเร็วต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งดำเนินคดีกับบริษัทฯ 5 ข้อหา คือ 
1. ทำผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
2. ติดเครื่องหมาย มอก. บนผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 2 ล้าน หรือทั้งจำและปรับ 
3. จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ 
4. ทำลายเครื่องหมายและป้ายคำเตือนที่เจ้าพนักงานยึดอายัดของกลาง โทษคดีอาญาจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ  
5. เคลื่อนย้ายทำลายของกลางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ พร้อมสั่งให้บริษัทฯ รีบดำเนินการเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล็กที่จำหน่ายออกสู่ท้องตลาดกลับมาทั้งหมด และให้แจ้งรายละเอียดการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กของบริษัทฯ ทั้งหมดภายใน 7 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้รับไปจำหน่ายและประชาชนทราบโดยเร็ว

“นอกจากนี้จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม สอบข้อเท็จจริงเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องด้วยว่า เหตุใดถึงปล่อยให้บริษัทฯ แห่งนี้มีการฝ่าฝืนทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรมต้องขอบคุณประชาชนที่เป็นหูเป็นตาให้ความร่วมมือในการร่วมกำจัดปัญหาโรงงานเถื่อนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายให้สิ้นซากไป” นางสาวฐิติภัสร์ กล่าวทิ้งท้าย

เบื้องหลังความสำเร็จ ของ ‘น้องปุญ’ ความฝัน ความตั้งใจ ความมุ่งมั่น สู่การเป็น นักเรียนโรงเรียนนายเรือ ‘Annapolis’ ประเทศสหรัฐอเมริกา

(10 พ.ค. 68) คนเรา ถ้าตั้งใจจริง แล้ว พยายาม อย่างที่สุด ก็จะสำเร็จ ....สัญญากับตัวเอง เตือนตัวเอง ว่าต้องทำให้ได้!!

เหมือน 'น้องปุญ' นักเรียนนายเรือ ปุญระพี ประกิจ ชั้นปีที่ 1 ที่ ผ่านทุกด่าน จนได้รับการตอบรับให้เข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา United States Naval Academy( USNA,ที่เมือง Annapolis มลรัฐแมรี่แลนด์

น้องปุญ จบมัธยมจากสาธิตปทุมวัน ด้วยความที่พ่อ แม่ น้า ๆ เป็นวิศวกร น้องปุญ จึงตั้งเป้าหมายว่า จะเรียนวิศวฯ มาโดยตลอด และช่วงใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่บ้านอยากหาสนาม ให้ไปซ้อมสอบ และมีเพียงสนามสอบเตรียมทหาร ที่เปิดสอบ น้องปุญ ก็ไปสอบ และสอบติดทั้ง 4 เหล่า และด้วยความเป็นนักว่ายน้ำ ก็เลยตั้งใจเลือก ทหารเรือ และขอลองไปลองเรียนที่เตรียมทหาร และเมื่อผลสอบออกมา มหาวิทยาลัยออกมา น้องปุญ สอบได้ คณะวิศวฯ จุฬาฯ แต่ น้องปุญ ตัดสินใจ แล้วบอกว่า ”สละสิทธิ์นะแม่” ขอเรียนต่อที่ รร.เตรียมทหาร คุณพ่อและคุณแม่ ไม่ขัด ในเมื่อเป็นการตัดสินใจของลูก อยากเรียนเตรียมทหาร อยากเป็นทหารเรือ ก็เอา!! ไว้เปลี่ยนใจ แล้วค่อยออกมา สอบเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ 

น้องปุญ เข้าเป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่น61 และ นักเรียนนายเรือ รุ่น118 และมุ่งมั่นตั้งแต่ เป็นนักเรียนเตรียมทหาร ว่า จะสอบไปเรียน โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา หรือ ที่รู้จักกันดีว่า รร.นายเรือ Annapolis ให้ได้ ความฝัน ของ น้องปุญ ที่อยากจะไปเรียน รร. นายเรือ Annapolis มาจากที่ อาจารย์ ที่เตรียมทหาร เปิดหนังเรื่อง Annapolis ในห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษ 

หลังจากนั้น น้องปุญ ก็ ค้นหาข้อมูล เกี่ยวกับรร. นายเรือ Annapolis และยิ่งสร้างเป้าหมายในชีวิตว่า จะสอบเข้า รร. นายเรือ Annapolis นี้ให้ได้ หนึ่งในคลิป ที่ ต้องปุญ ดู คือ คลิป ที่ รายการลับลวงพราง พาไปเยี่ยมชม รร. นายเรือ Annapolis ที่มี น้องโมโน นนร. ธิปก เอกวิริยะเสถียร เป็นคนพาเดินชม รร. และเล่าเรื่องการเรียนให้ฟัง

น้องปุณ เขียนความตั้งใจอันแน่วแน่นี้ ไว้ในสมุดโน้ตประจำตัว ตอน เรียนเตรียมทหาร ตั้งแต่ 30 กย.2019 ว่า จะต้องสอบติด Annapolis ให้ได้ พร้อมวาดรูป แมลงเต่าทอง แมลงแห่งโชค พร้อมชื่อ รัฐMaryland และ ข้อคิดเตือนใจตัวเอง 12 ข้อ
- มุ่งมั่น ตั้งใจ สู้ๆ!
- มองไปถึงอนาคตไกลๆ
- ทำให้ดีที่สุด อย่ามาเสียใจตอนสาย
- เชื่อว่ามึงทำได้ !!!
- เตรียมตัวให้พร้อม
- ความสำเร็จ แม่งโคตรหอมหวาน
- ไม่ต้องรู้งี้ ทำให้ได้ไปเลย
- ห้ามพลาดโอกาสนี้ เด็ดขาด
- อย่าผลัดวัน ประกันพรุ่ง
- เพื่อตัวเองทุกวัน !!
- วัดกันสักตั้งดี"
- กัดฟันสู้ สิวะ

คุณแม่ของน้องปุญ เพิ่งค้นเจอ สมุดที่ นักเรียนเตรียมทหาร ต้องพกประจำตัว ที่น้องปุญ เขียนข้อความเหล่านี้ โดยบังเอิญ เมื่อไม่นานมานี้. ตอนที่เก็บของในห้องน้องปุญ ที่ทำให้ได้รู้ถึงความตั้งใจอันมุ่งมั่นของลูกชาย จนที่สุด น้องปุณ ก็ทำตามความฝันความตั้งใจ นั้นได้ เมื่อ ทัพเรือสหรัฐฯ ได้ตอบรับให้น้องปุณ ไปเรียนที่ รร.นายเรือAnnapolis และยัง สร้างความปลื้มใจให้ ทั้งคุณพ่อ และคุณแม่ ผู้เป็นกำลังใจ และกองหนุนสำคัญ ของลูก

โดยจะไปเรียนในเดือน มิย.นี้ ตอนนี้ น้องปุณได้เรียนภาษา ที่ ศูนย์ภาษา กรมยุทธศึกษา ทร. โดย จะใช้เวลาเรียนที่รร.นายเรือ สหรัฐฯ 5 ปี และจะสำเร็จการศึกษาในเดือน มิถุนายน 2569

ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้เคยส่งนักเรียนนายเรือไปเรียนที่โรงเรียนนายเรือประเทศสหรัฐฯ ครั้งแรกปี 2498 โดยส่งไปเข้าโรงเรียนนายเรือเป็นหลัก ถ้าเข้าไม่ได้ก็จะเปลี่ยนไปเข้าที่โรงเรียนยามฝั่ง หากเข้าทั้ง 2 โรงเรียนไม่ได้ จะให้เข้ามหาวิทยาลัย การเข้าเรียนต้องผ่านการคัดเลือกเข้มข้น ผู้ที่กองทัพเรือส่งไปเรียนที่สหรัฐฯ ในช่วงแรกส่วนใหญ่ไปเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัย มีช่วงที่ส่งไปต่อเนื่องคือระหว่างปี2522-2537 นักเรียนนายเรือ เสรี ฉ่ำชื่น (ปัจจุบัน ยศ นาวาเอก) นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 28 เป็นผู้ที่เข้าได้เข้ารับศึกษาในโรงเรียนนายเรือสหรัฐฯ ได้เป็นครั้งแรก เมื่อปี 2532 

แต่เนื่องจากการคัดเลือกเข้มข้น นักเรียนนายเรือไทย จึงได้รับการคัดเลือกให้เข้าเรียนได้บ้างไม่ได้บ้าง กองทัพเรือจึงงดส่งนักเรียนนายเรือไปสหรัฐฯ ระยะหนึ่ง และมาเริ่มส่งอีกครั้งเมื่อปี 2553 จนถึงปัจจุบัน กองทัพเรือไทยมีผู้สำเร็จการศึกษาจากประเทศสหรัฐฯ ระดับต่าง ๆ ประมาณ 20 นาย ทั้ง ที่ Annapolis ,Coastguard และ มหาวิทยาลัย ไม่รวมระดับปริญญาโท

ซึ่งขณะนี้กองทัพเรือมีนักเรียนนายเรือที่กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนนายเรือ เมืองแอนนาโปลิส ประเทศสหรัฐอเมริกานี้ 3 คนคือ นักเรียนนายเรือ ณัทดรัณ คุรุวิชญา ปี 4 (จะสำเร็จการศึกษาในเดือน มิถุนายน 2564 นี้) นักเรียนนายเรือ ธงบุญ เพ็งแก้ว กำลังศึกษาอยู่ปีที่ 3 และ นักเรียนนายเรือ สุรศักดิ์ บรรดาศักดิ์ กำลังศึกษาอยู่ปีที่ 2 พี่เล็ก วาสนา และ รายการ ลับลวงพราง Exclusive ยินดี ที่ได้เป็นส่วนเล็ก ๆ ในการสร้างแรงบันดาลใจ ให้ น้องปุญ สู่การเป็น USNA Cadet แต่ที่สำคัญที่สุด คือ กำลังใจ แรงสนับสนุนจาก คุณพ่อคุณแม่ และท้ายที่สุด ตัว น้องปุญ เอง ที่ ตั้งใจและมุ่งมั่น ทำความฝัน ความตั้งใจของตนเอง ให้สำเร็จ...แม้จะเป็น ก้าวแรก ก็ตาม.... อีก 5 ปี ที่ยิ่งต้องพยายาม และมุ่งมั่น สู้ต่อไป จ้า !!! ”

ตอนนี้เกือบจะครบ 5 ปีแล้วครับ น้องปุญ มิได้แค่เรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ แต่ยังได้บทบาท เป็นผู้นำของนักเรียน ได้เป็นนักเรียนบังคับบัญชา ซึ่งน้อยมากที่จะให้นักเรียนต่างชาติได้เป็น และยังได้รับการยอมรับจากเพื่อน ๆ ทั้งรุ่นและเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ในโรงเรียนอีกด้วย

ตำรวจภูธรภาค 2 ร่วมเฉลิมพระเกียรติฯ พิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระราชทาน วันวิสาขบูชา 'ผบช.ภ.2' กำชับ 8 จังหวัด อำนวยความสะดวก ดูแลการจราจร

(10 พ.ค.68) พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เปิดเผยว่า ตำรวจภูธรภาค 2 ทั้ง 8 จังหวัด ได้เตรียมกำลังพร้อมสนับสนุนภารกิจในการอำนวยความสะดวก และดูแลความสงบเรียบร้อยในพิธีปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน 'พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร' เนื่องในวันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันที่ 11พฤษภาคม 2568 ในพื้นที่จังหวัดในความรับผิดชอบ ได้แก่ จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ตราด, นครนายก, ปราจีนบุรี, ระยอง และสระแก้ว 

“พิธีจะมีขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.29 น. โดยมีประชาชนทุกภาคส่วนเข้าร่วมเพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันวิสาขบูชา จึงกำชับให้ทุกสถานีตำรวจดูแลพื้นที่จัดพิธีอย่างใกล้ชิด อำนวยความสะดวกด้านจราจร ร่วมในกิจกรรมอันเป็นมงคลนี้” ผบช.ภ.2 กล่าว

สำหรับพื้นที่ 8 จังหวัดของตำรวจภูธรภาค 2  กำหนดสถานที่ปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พระราชทาน 'พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร' ดังนี้
จังหวัดนครนายก - วัดพรหมมหาจุฬามณี อ.เมืองนครนายก
จังหวัดจันทบุรี -  วัดบ้านอ่าง อ.มะขาม
จังหวัดฉะเชิงเทรา - วัดโสธรวรารามวรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา
จังหวัดชลบุรี – วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร  อ.บางละมุง
จังหวัดตราด – วัดบางปรือ อ.เมืองตราด
จังหวัดปราจีนบุรี - วัดใหม่กรงทอง อ.ศรีมหาโพธิ
จังหวัดระยอง – โครงการอ่างเก็บน้ำดอกกราย อ.ปลวกแดง
จังหวัดสระแก้ว – วัดเขาป่าแก้ว อ.วังน้ำเย็น

‘หมอยง’ ไม่แนะนำ!! ให้ฉีดวัคซีนโควิด-19 มองไม่คุ้มกับประโยชน์ที่ได้ ชี้!! โรคลดความรุนแรงลงแล้ว และมียาที่มีประสิทธิภาพ สามารถรักษาได้

(10 พ.ค. 68) ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ แพทย์อาวุโส นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ และหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ ‘โควิด-19’ โดยมีใจความว่า ...

โรคทุกโรคที่ป้องกันได้ควรจะได้รับการป้องกัน แต่การป้องกันมีหลายวิธี ตั้งแต่ล้างมือทำความสะอาด ลดการแพร่กระจายของโรค ด้วยการใส่หน้ากากอนามัย และหลีกเลี่ยงการเข้าชุมชนคนหมู่มาก วัคซีนเป็นอีกตัวเลือกหนึ่ง

โรคโควิด 19 ในระยะแรก ปีแรกๆ รุนแรงมากมีอัตราเสียชีวิตถึงร้อยละ 1 และมีอัตราการลงปอดเป็นปอดบวมสูงมากโอกาสต้องนอนโรงพยาบาลสูงมาก ๆ แต่ในปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่มีภูมิต้านทานแล้ว จากการติดเชื้อ และฉีดวัคซีน และไวรัสโควิดก็ลดความรุนแรงของโรคลงมา ทำให้มีอัตราการเสียชีวิตต่ำ เปรียบเทียบได้กับไข้หวัดใหญ่ ผู้ติดเชื้อโควิด 19 จำนวนมาก ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เพราะเคยเป็นมาแล้ว ยกเว้นมีร่างกายอ่อนแอ หรือมีโรคประจำตัว ก็เป็นเช่นเดียวกันกับโรคทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่อาจจะรุนแรงขึ้น 

ทำไมเรายังต้องให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ทั้งที่ความรุนแรงของไข้หวัดใหญ่กับโควิด ไม่ต่างกันมากแล้ว วัคซีนไข้หวัดใหญ่ป้องกันการติดเชื้อได้ประมาณ 40 ถึง 60 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น หวังป้องกันความรุนแรงของโรค แต่เรายังแนะนำให้ฉีดโดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ทั้งนี้เพราะวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ใช้กันมานานมากแล้วร่วม 50 ปี มีราคาถูก และอาการข้างเคียงต่ำ เมื่อมาเปรียบเทียบกับวัคซีนโควิดในปัจจุบัน โควิดไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อน้อยมาก วัคซีนมีราคาแพงมาก มากกว่าไข้หวัดใหญ่เกือบ 10 เท่า และมีอาการข้างเคียงมากกว่า 

ดังนั้นในปัจจุบันจึงแนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง โดยทางภาครัฐสนับสนุน ให้ได้ฉีดฟรี ส่วนวัคซีนโควิด เมื่อคิดถึงความคุ้มทุน และประโยชน์ที่ได้ เมื่อโรคลดความรุนแรงลง โดยส่วนตัวจึงไม่แนะนำ และถ้าป่วยให้รีบให้การรักษา เพราะมียาที่มีประสิทธิภาพ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top